Become a member

Get the best offers and updates relating to Liberty Case News.

― Advertisement ―

spot_img
หน้าแรกNewsTechพฤติกรรม ส่วนเกิน ในสังคมออนไลน์

พฤติกรรม ส่วนเกิน ในสังคมออนไลน์

พฤติกรรมส่วนเกินในสังคมออนไลน์สามารถนำมาประมวลผลเพื่อคาดการณ์พฤติกรรมในอนาคตได้ พฤติกรรมส่วนเกิน หมายถึง พฤติกรรมที่นอกเหนือไปจากพฤติกรรมปกติของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล เช่น การโพสต์ข้อความหรือรูปภาพในสื่อสังคมออนไลน์บ่อยครั้ง การกดไลค์หรือแชร์เนื้อหาในสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมาก การเข้าร่วมกิจกรรมในสื่อสังคมออนไลน์อย่างกระตือรือร้น เป็นต้น พฤติกรรมเหล่านี้อาจสะท้อนถึงความสนใจ ความต้องการ หรือความปรารถนาของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลได้

พฤติกรรมส่วนเกิน ในสังคมออนไลน์

เมื่อนำพฤติกรรมส่วนเกินเหล่านี้มาประมวลผลด้วยวิธีต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) หรือการวิเคราะห์เครือข่าย (Network Analysis) จะสามารถระบุรูปแบบหรือแนวโน้มของพฤติกรรมได้ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการคาดการณ์พฤติกรรมในอนาคตได้ เช่น

  • คาดการณ์ว่าบุคคลหรือกลุ่มบุคคลจะสนใจหรือให้ความสำคัญกับประเด็นหรือเหตุการณ์ใดในอนาคต
  • คาดการณ์ว่าบุคคลหรือกลุ่มบุคคลจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมใดในอนาคต
  • คาดการณ์ว่าบุคคลหรือกลุ่มบุคคลจะมีทัศนคติหรือความคิดเห็นอย่างไรในอนาคต

 

พฤติกรรมส่วนเกิน ในสังคมออนไลน์

ตัวอย่างการนำพฤติกรรมส่วนเกินในสังคมออนไลน์มาคาดการณ์พฤติกรรมในอนาคต เช่น

  • บริษัทวิจัยการตลาดใช้การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อคาดการณ์ว่าผู้บริโภคจะสนใจสินค้าหรือบริการใดในอนาคต
  • หน่วยงานราชการใช้การวิเคราะห์เครือข่ายเพื่อคาดการณ์ว่าเหตุการณ์ใดมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต
  • หน่วยงานด้านความมั่นคงใช้การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อคาดการณ์การก่ออาชญากรรมในอนาคต

อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์พฤติกรรมด้วยพฤติกรรมส่วนเกินในสังคมออนไลน์มีข้อจำกัดบางประการ เช่น

  • พฤติกรรมส่วนเกินอาจสะท้อนถึงอารมณ์หรือความรู้สึกในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้สะท้อนถึงพฤติกรรมจริงในระยะยาว
  • พฤติกรรมส่วนเกินอาจเกิดจากปัจจัยอื่นๆ เช่น การโฆษณาหรือกลยุทธ์ทางการตลาด
  • พฤติกรรมส่วนเกินอาจถูกบิดเบือนโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาร้าย

ดังนั้น การใช้พฤติกรรมส่วนเกินในสังคมออนไลน์มาคาดการณ์พฤติกรรมในอนาคตจึงควรพิจารณาข้อจำกัดเหล่านี้ประกอบไปด้วย

พฤติกรรมส่วนเกิน ในสังคมออนไลน์

มีหนังสือหลายเล่มที่กล่าวถึงพฤติกรรมส่วนเกินในสังคมออนไลน์และการนำพฤติกรรมส่วนเกินมาคาดการณ์พฤติกรรมในอนาคต ตัวอย่างหนังสือ ได้แก่

  • “Social Media Analytics: Understanding Human Behavior in the Digital Age” โดย Michael Kaplan และ Michael Haenlein (2010) กล่าวถึงการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่จากสื่อสังคมออนไลน์เพื่อเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์ในยุคดิจิทัล
  • “Predicting the Future: The Role of Social Media in Social Prediction” โดย Michael D. Smith และ Philip N. Howard (2013) กล่าวถึงการนำข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์มาใช้ในการคาดการณ์พฤติกรรมในอนาคต
  • “The Power of Big Data: How Analytics Are Changing the World” โดย John G. Halvey (2014) กล่าวถึงการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ รวมถึงการคาดการณ์พฤติกรรมในอนาคต

หนังสือเหล่านี้นำเสนอแนวคิดและวิธีการต่างๆ ในการประมวลผลพฤติกรรมส่วนเกินในสังคมออนไลน์เพื่อคาดการณ์พฤติกรรมในอนาคต ผู้ที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมส่วนเกินในสังคมออนไลน์และการนำพฤติกรรมส่วนเกินมาคาดการณ์พฤติกรรมในอนาคตสามารถศึกษาจากหนังสือเหล่านี้ได้

นอกจากนี้ ยังมีบทความวิชาการและงานวิจัยมากมายที่กล่าวถึงพฤติกรรมส่วนเกินในสังคมออนไลน์และการนำพฤติกรรมส่วนเกินมาคาดการณ์พฤติกรรมในอนาคต ผู้สนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติมจากบทความวิชาการและงานวิจัยเหล่านี้ได้เช่นกัน

พฤติกรรมส่วนเกิน ในสังคมออนไลน์

Google, Facebook และ Twitter ได้นำแนวคิดนี้มาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ดังนี้

  • Google: Google ใช้ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้จากผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น Google Search, Google Maps และ YouTube เพื่อคาดการณ์ความสนใจของผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น Google สามารถใช้ข้อมูลการค้นหาของผู้ใช้เพื่อคาดการณ์ว่าผู้ใช้จะสนใจสินค้าหรือบริการใดในอนาคต หรือ Google สามารถใช้ข้อมูลการค้นหาของผู้ใช้เพื่อคาดการณ์ว่าผู้ใช้จะเดินทางไปยังสถานที่ใดในอนาคต
  • Facebook: Facebook ใช้ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้จากแพลตฟอร์มของตนเพื่อคาดการณ์ความสนใจของผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น Facebook สามารถใช้ข้อมูลการกดไลค์หรือแชร์ของผู้ใช้เพื่อคาดการณ์ว่าผู้ใช้จะสนใจเนื้อหาใดในอนาคต หรือ Facebook สามารถใช้ข้อมูลการมีส่วนร่วมของผู้ใช้เพื่อคาดการณ์ว่าผู้ใช้จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมใดในอนาคต
  • Twitter: Twitter ใช้ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้จากแพลตฟอร์มของตนเพื่อคาดการณ์ความสนใจของผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น Twitter สามารถใช้ข้อมูลการทวีตของผู้ใช้เพื่อคาดการณ์ว่าผู้ใช้จะสนใจประเด็นหรือเหตุการณ์ใดในอนาคต หรือ Twitter สามารถใช้ข้อมูลการมีส่วนร่วมของผู้ใช้เพื่อคาดการณ์ว่าผู้ใช้จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมใดในอนาคต

นอกจากนี้ Google, Facebook และ Twitter ยังใช้ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ เช่น

  • การโฆษณา: Google, Facebook และ Twitter ใช้ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้เพื่อแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้
  • การวิจัยตลาด: Google, Facebook และ Twitter ใช้ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้เพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค
  • ความปลอดภัย: Google, Facebook และ Twitter ใช้ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้เพื่อตรวจจับกิจกรรมที่ผิดปกติหรืออาจเป็นอันตราย

การใช้พฤติกรรมส่วนเกินในสังคมออนไลน์มาคาดการณ์พฤติกรรมในอนาคตเป็นแนวคิดที่มีศักยภาพสูง อย่างไรก็ตาม การใช้แนวคิดนี้ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เช่น ความเสี่ยงในการละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ความเสี่ยงในการถูกบิดเบือนข้อมูล และความเสี่ยงในการนำไปใช้ในทางที่ผิด ดังนั้น การใช้แนวคิดนี้จึงควรพิจารณาความเสี่ยงเหล่านี้ประกอบไปด้วย

<p data-sourcepos="1:1-1:84"><strong>แนวคิดพฤติกรรมส่วนเกินในสังคมออนไลน์สามารถนำมาใช้ปรับปรุงการทำเว็บได้หลายวิธี ดังนี้</strong></p> <ul data-sourcepos="3:1-8:0"> <li data-sourcepos="3:1-4:0"> <p data-sourcepos="3:3-3:278"><strong>การปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน:</strong> เว็บไซต์สามารถรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น ประวัติการค้นหา ประวัติการเยี่ยมชมหน้าต่างๆ และเนื้อหาที่ผู้ใช้สนใจ เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ เช่น แสดงเนื้อหาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ หรือแนะนำเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม</p> </li> <li data-sourcepos="5:1-6:0"> <p data-sourcepos="5:3-5:253"><strong>การปรับปรุงประสิทธิภาพ:</strong> เว็บไซต์สามารถรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น อุปกรณ์ที่ผู้ใช้ใช้ ตำแหน่งของผู้ใช้ และความเร็วของอินเทอร์เน็ต เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ เช่น แสดงเนื้อหาที่เหมาะกับอุปกรณ์ของผู้ใช้ หรือโหลดหน้าต่างๆ อย่างรวดเร็ว</p> </li> <li data-sourcepos="7:1-8:0"> <p data-sourcepos="7:3-7:210"><strong>การปรับปรุงการโฆษณา:</strong> เว็บไซต์สามารถรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น เพศ อายุ และความสนใจของผู้ใช้ เพื่อปรับปรุงการโฆษณา เช่น แสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ หรือหลีกเลี่ยงการนำเสนอโฆษณาที่ไม่เหมาะสม</p> </li> </ul> <p data-sourcepos="9:1-9:73">ตัวอย่างการนำแนวคิดพฤติกรรมส่วนเกินในสังคมออนไลน์มาปรับปรุงการทำเว็บ เช่น</p> <ul data-sourcepos="11:1-16:0"> <li data-sourcepos="11:1-12:0"> <p data-sourcepos="11:3-11:145"><strong>เว็บไซต์ข่าว:</strong> เว็บไซต์ข่าวสามารถรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น หัวข้อข่าวที่ผู้ใช้สนใจ เพื่อนำเสนอข่าวที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้มากขึ้น</p> </li> <li data-sourcepos="13:1-14:0"> <p data-sourcepos="13:3-13:142"><strong>เว็บไซต์ช้อปปิ้ง:</strong> เว็บไซต์ช้อปปิ้งสามารถรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น สินค้าที่ผู้ใช้เคยซื้อ เพื่อแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม</p> </li> <li data-sourcepos="15:1-16:0"> <p data-sourcepos="15:3-15:152"><strong>เว็บไซต์โซเชียลมีเดีย:</strong> เว็บไซต์โซเชียลมีเดียสามารถรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น โพสต์ที่ผู้ใช้กดไลค์ เพื่อนำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม</p> </li> </ul> <p data-sourcepos="17:1-17:259">การใช้แนวคิดพฤติกรรมส่วนเกินในสังคมออนไลน์มาปรับปรุงการทำเว็บสามารถช่วยให้เว็บไซต์เข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอเนื้อหาหรือบริการที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ และเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ได้</p> <p data-sourcepos="19:1-19:237">อย่างไรก็ตาม การใช้แนวคิดนี้ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เช่น ความเสี่ยงในการละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ความเสี่ยงในการถูกบิดเบือนข้อมูล และความเสี่ยงในการนำไปใช้ในทางที่ผิด ดังนั้น การใช้แนวคิดนี้จึงควรพิจารณาความเสี่ยงเหล่านี้ประกอบไปด้วย</p>พฤติกรรม ส่วนเกิน ในสังคมออนไลน์