Become a member

Get the best offers and updates relating to Liberty Case News.

― Advertisement ―

spot_img

การเป็นโสดอย่างมีความสุข รีวิวหนังสือ “Single On Purpose” โดย John Kim

รีวิวหนังสือ "Single On Purpose" โดย John Kim Single On Purpose เป็นหนังสือที่เขียนโดย John Kim เกี่ยวกับการเป็นโสดอย่างมีความสุขและเติมเต็ม โดยไม่ต้องกดดันตัวเองจากสังคม หนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ส่วนแรก พูดถึงความเชื่อและค่านิยมเกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบดั้งเดิมที่มักกดดันให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาต้องมีคู่รักเพื่อมีความสุข Kim อธิบายว่าความเชื่อเหล่านี้เป็นอย่างไรที่ผิดพลาดและเป็นอันตราย และทำไมการเป็นโสดจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับบางคน ส่วนที่สอง มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาตนเองในขณะที่เป็นโสด Kim ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการสร้างความมั่นใจในตนเอง...
หน้าแรกNewsTechญี่ปุ่นใช้เทคโนโลยี AI สร้างภาพจากจิตใจของมนุษย์ได้แล้ว ชาติแรกของโลก

ญี่ปุ่นใช้เทคโนโลยี AI สร้างภาพจากจิตใจของมนุษย์ได้แล้ว ชาติแรกของโลก

ญี่ปุ่นได้ประกาศความสำเร็จในการคิดค้นเทคโนโลยี AI ที่สามารถถอดรหัสภาพจากสมองของมนุษย์ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นชาติแรกของโลกที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวได้

ทีมนักวิทยาศาสตร์จาก National Instit utes for Quantum Science and Technology จากมหาวิทยาลัย Osaka ประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการทดลองกับอาสาสมัคร 20 คน โดยให้อาสาสมัครจินตนาการถึงภาพวัตถุต่างๆ เช่น ใบหน้า เสือดาว เครื่องบิน ฯลฯ จากนั้นใช้เครื่องสแกนสมองเพื่อบันทึกคลื่นไฟฟ้าสมองของอาสาสมัครขณะที่พวกเขาจินตนาการถึงภาพเหล่านั้น

จากนั้นนำข้อมูลคลื่นไฟฟ้าสมองมาป้อนให้กับ AI เพื่อฝึกให้ AI สามารถถอดรหัสภาพจากคลื่นไฟฟ้าสมองได้ ผลจากการทดลองพบว่า AI สามารถถอดรหัสภาพจากสมองของอาสาสมัครได้อย่างแม่นยำ โดยสามารถจำลองภาพวัตถุต่างๆ ได้อย่างใกล้เคียงกับภาพที่อาสาสมัครจินตนาการไว้

การพัฒนาเทคโนโลยีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของวงการปัญญาประดิษฐ์ โดยคาดว่าจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง เช่น

  • พัฒนาอุปกรณ์สื่อสารที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสื่อสารกันด้วยความคิดได้โดยตรง
  • พัฒนาการรักษาผู้ป่วยที่สูญเสียความสามารถในการมองเห็นหรือได้ยิน
  • พัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของสมองมนุษย์

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีดังกล่าวยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น ยังมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น สามารถใช้ถอดรหัสภาพวัตถุได้เฉพาะวัตถุที่อาสาสมัครเคยเห็นมาก่อนเท่านั้น อีกทั้งยังไม่สามารถถอดรหัสภาพที่มีรายละเอียดซับซ้อนได้

นักวิทยาศาสตร์คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีในการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างจริงจัง

เทคโนโลยี Brain Decoding ช่วยให้เราสามารถเห็นภาพการรับรู้จากกิจกรรมทางสมองได้ ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการแพทย์ในหลายด้าน เช่น

  • การวินิจฉัยโรคทางสมอง เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน และโรคหลอดเลือดสมอง โดยสามารถตรวจจับความผิดปกติของกิจกรรมทางสมองตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
  • การรักษาโรคทางสมอง เช่น การพัฒนายาหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองเพื่อบรรเทาอาการของโรค
  • การพัฒนาอุปกรณ์ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพ เช่น อุปกรณ์ช่วยฝึกการพูด การเดิน และการเคลื่อนไหว

ตัวอย่างการนำเทคโนโลยี Brain Decoding มาใช้ทางการแพทย์ เช่น

  • ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา พัฒนาระบบ AI ที่สามารถตรวจจับสัญญาณบ่งชี้ของโรคอัลไซเมอร์ได้จากคลื่นไฟฟ้าสมองของผู้ป่วย
  • ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ พัฒนาระบบ AI ที่สามารถช่วยผู้ป่วยโรคพาร์กินสันในการเดินได้ดีขึ้น
  • ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น พัฒนาอุปกรณ์ช่วยฝึกการพูดสำหรับผู้ที่สูญเสียความสามารถในการพูด

การพัฒนาเทคโนโลยี Brain Decoding ยังคงดำเนินต่อไป คาดว่าในอนาคตเทคโนโลยีนี้จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถนำมาใช้ทางการแพทย์ได้อย่างแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยและมนุษยชาติโดยรวม

อ้างอิง: japantoday interestingengineering